200705 ฮวังฮยอน "ONF คือวงที่ทำให้รู้สึกอยากจะทำเพลงมากๆ"



ONF ที่ปิดฉากในรายการ Road To Kingdom ทางช่อง Mnet ได้รับความสนใจที่เป็น "ผู้รังสรรค์การแสดงบนเวที" และเมื่อพูดคุยเกี่ยวกับ ONF แล้วก็มีชื่อหนึ่งที่ถูกพูดถึงอยู่เสมอ ซึ่งนั้นก็คือ ประธาน Monotree โปรดิวเซอร์ฮวังฮยอน  ฮวังฮยอนได้เรียบเรียบทุกเพลงของ ONF ความสามารถที่โดดเด่นนี้ทำให้เขาได้รับฉายาว่าเป็น "บีโทเฟนของวงการ K-pop" จากเหล่าแฟนคลับวงไอดอล

ความสัมพันธ์ของ ONF และฮวังฮยอนคงต้องกลับไปเริ่มต้นช่วงปี 2016 ฮวังฮยอนที่ได้รับหน้าที่ในการโปรดิวซ์เพลงให้กับค่าย WM Ent. ได้พบกับสมาชิกวงที่ยังเป็นเด็กฝึก หลังจากที่ได้ใช้เวลาทำความเข้าใจและรู้จักเสน่ห์ของกันและกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มทำงานด้วยกัน มินิอัลบั้มแรก ON/OFF ได้ทำขึ้นตามความต้องการของค่าย และตั้งแต่มินิอัลบั้ม 2 YOU COMPLETE ME เป็นต้นมา ก็เริ่มเพิ่มเติมสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ของ ONF ไปในเพลงที่มีความแตกต่างเฉพาะตัว

เพลงที่เห็นเคมีระหว่างฮวังฮยอนและ ONF อย่างเด่นชัดมากคือ เพลงไตเติ้ล We must love ของมินิอัลบั้ม 3 WE MUST LOVE และเพลง Moscow Moscow บีไซด์จากมินิอัลบั้ม 4 GO LIVE ทั้งสองเพลงได้แสดงให้เห็นถึงเพลงที่ยอดเยี่ยมซึ่งได้รับความรักจากผู้ฟังจนขนานนาม ONF ว่าเป็น "ไอดอลที่มีเพลงชั้นเลิศ"  ฮวังฮยอนที่เรียนรู้มากมายพูดว่า "สำหรับนักร้องแล้วเพลงคือที่ 1 จึงให้ความสำคัญกับเพลงมากที่สุดเพื่อให้ผู้ฟังได้รู้สึกเช่นเดียวกัน" และต่อไปก็จะตั้งใจทำเพลงให้ดียิ่งขึ้น

แม้จะมีเพลงดีมากมาย แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จสูงสุด และรายการ Road To Kingdom ก็เป็นโอกาสที่สำคัญอย่างยิ่งของ ONF แต่ถึงอย่างนั้นในการแนะนำตัวครั้งแรกก็ได้อันดับต่ำที่ 5 ONF และฮวังฮยอนที่ได้รับแรงกระตุ้นอย่างสูงต่างก็จัดเต็มกับรายการ Road To Kingdom ขอบคุณคอนเซ็ปต์ดาร์กๆ ของ Everybody การเรียบเรียงดนตรีคลาสสิคของ The We must love การเกิดใหม่ที่มีชีวิตชีวา It's Raining และ New World ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ ด้วยสีสันของดนตรีที่หลากหลายก็ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้ชม เคมีระหว่างฮวังฮยอนและ ONF ก็ได้แสดงให้เห็นตลอดรายการและขอบคุณที่ทำให้ทุกคนได้ "ค้นพบ ONF อีกครั้ง" 

ฮวังฮยอนและ ONF ต่างก็ตระหนักถึงความสามารถของกันและกัน เมื่อถามถึงเพลงที่อยากจะทำในอนาคต ฮวังฮยอนก็ตอบว่า "ONF คือทีมที่ทำให้รู้สึกกระตือรือร้นที่จะเขียนเพลงให้ดีมากขึ้นผ่านมุมมองของการแต่งเพลง การทำเพลงทุกครั้งจึงยากเพราะได้เพิ่มความท้าทายใหม่ๆ ลงไปด้วย เพิ่มเติมไอเดียของนักร้องที่มีไปอีก ต่อไปก็จะทำเพลงที่เป็นเอกลักษณ์และไม่เคยเห็นจากไอดอลววงอื่นๆ ครับ" ทำให้น่าติดตามว่าโลกดนตรีของ ONF และฮวังฮยอนจะมีการพัฒนาไปทางใด

ได้พบและพูดคุยกับโปรดิวเซอร์เพลงฮวังฮยอน และฮโยจิน-ไวแอตต์จากวง ONF


- ยินดีที่ได้รู้จัก กรุณาแนะนำตัวดัวย

ฮวังฮยอน : โปรดิวเซอร์ฮวังฮยอน จาก Momotree ที่กลายเป็นมีมครับ
ไวแอตต์ : ชายหนุ่มผู้กล้าหาญ เมนแร็ปที่มีเสียงต่ำ ไวแอตต์ครับ
ฮโยจิน : ชายหนุ่มผู้อ่อนไหว ลีดเดอร์ทีม ON ฮโยจินครับ

-ไม่อาจจะแยก ONF และฮวังฮยอนออกจากกันได้ สงสัยว่าเริ่มต้นความสัมพันธ์กันตั้งแต่เมื่อไหร่?
ฮวังฮยอน : เจอ ONF ครั้งแรกในช่วงต้นฤดูร้อนปี 2016 ตอนนั้น WM Ent.ได้เชิญให้มาทำเพลงและได้พบกับสมาชิกวงหลังจากยอมรับข้อตกลง ด้วยความรู้สึกว่าจะต้องรู้จักและเข้าใจเสน่ห์ของพวกเขาจึงเข้าร่วมชมการสอบประเมินประจำเดือนด้วย  เมื่อได้ดูแล้วก็รู้สึกถึงเพื่อนที่มีความแข็งแกร่งในการร้องเพลงและอีกส่วนที่เต้นอย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะไวแอตต์ เป็นแร็ปเปอร์แต่บางครั้งก็ทดสอบประเมินประจำเดือนด้วยการร้องเพลง
ไวแอตต์ : ชอบร้องเพลงครับ จำได้ว่าตอนนั้นร้องเพลงบัลลาดของรุ่นพี่ คิม ดงรยุล และคิมกวังซอกครับ
ฮวังฮยอน : ได้ฟังการร้องเพลงบัลลาดและเสียงที่ดีแล้วก็คิดว่า "น่าจะให้ร้องเพลงสัก verse" ในทางกลับกันก็ เมื่อเห็นเอ็มเคแล้วก็ "ร้องเพลงก็เก่ง และยังแร็ปได้ด้วย" ฮโยจินมีเสียงของเมนโวคอล พอคิดว่าจะต้องเลือกเขาให้ร้องเพลง แต่เมื่อเห็นการเต้นก็รู้สึกประหลาดใจกับความสามารถที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป

-ความทรงจำของการอัดเสียงด้วยกันครั้งแรก

ไวแอตต์ : ตอนที่เห็นบรรยากาศรอบตัวของพี่ฮยอนก็รู้สึกกลัวครับ
ฮวังฮยอน : ฉันก็กลัวนาย
ไวแอตต์ : ตอนนี้สนิทกันเหมือนพี่น้อง แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเอาแต่ฝึกซ้อมจึงไม่ค่อยรู้จักโลกภายนอกครับ ได้ยินมาว่านักแต่งเพลงน่ากลัวมากจึงเป็นกังวลมากๆ ว่าจะทำได้ตามได้ดีไหม? แต่เมื่อได้อัดเพลงด้วยกันแล้วก็ดูแลเป็นอย่างดีเลยครับ
ฮโยจิน : การมาอัดเสียงที่โมโนทรีครั้งแรกเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากๆ ครั้ง ตอนที่ทดสอบประเมินประจำเดือนก็ไม่เคยรู้สึกเป็นกังวล แต่ตอนที่มาอัดเสียงที่นี่ จำได้ว่าเริ่มเป็นกังวลและคิดว่า "ถ้าการอัดเพลงครั้งแรกของผม ทำให้รู้สึกผิดหวังจะทำยังไงดี?" เป็นอย่างนั้นจนถึง Complete ก็เริ่มกังวลน้อยลงจนตอนนี้สบายๆ แล้วครับ


-เมื่อ WM จ้างทำเพลงแล้วได้ส่งเพลงที่อยู่ในช่วงการทดลองทำไปให้ ได้แต่งเพลงประเภทใด?

ฮวังฮยอน : หนึ่งอย่างที่พยายามหลีกเลี่ยงแน่ๆ ก็คือเพลงที่เหมือนกับไอดอลทั่วไป ถ้าพยายามทำให้เหมือนก็กลายเป็นว่าไม่สามารถผสมผสานเสียงของสมาชิกวงให้เข้ากันได้จึงอยากจะพวกเขาโดดเด่นด้วยเพลงที่ไม่เหมือนคนอื่น เพลงที่อยู่ในช่วงการทดลองก็คือเพลงเดบิวต์ ON/OFF และเป็นเพลงแรกที่สมาชิกวงมาอัดเพลงครับ

-เมื่อ ONF ที่ดูแลอยู่ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้นและทำให้รู้จักกันในฐานะนักแต่งเพลงของ คงอยากจะทำเพลงให้ดีมากยิ่งขึ้น

ฮวังฮยอน : มากกว่าการเป็นที่รู้จักมากขึ้น ตอนนี้มีคนชื่นชอบเยอะเลยครับ ไม่ได้มีความคิดตั้งแต่เริ่มแรกว่าจะ "เทหมดหน้าตักให้กับ ONF" เลยครับ อัดเพลงและประกอบแต่ละส่วนให้ออกมาเป็นผลสำเร็จ ถ้าหากสมาชิกวงร้องเพลงไม่ดีหรือการแสดงบนเวทีที่ไม่เมคเซ้นส์ก็คงไม่มีกำลังจะทำต่อ แต่ทุกคนตั้งใจทำอย่างหนักโดยไม่ย่อท้อครับ

-ระหว่างที่ทำเพลงคงจะยุ่งยากที่จะเลือกสีสัน(สไตล์)ของวง

ฮวังฮยอน : อัลบั้มแรกได้ทำตามความต้องการของค่ายทุกอย่างครับ ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมได้รู้ทิศทางที่ค่ายคิดจะทำครับ ดังนั้นจึงมีเพลงที่อัดเอาไว้แต่ไม่ได้รวมอยู่ในอัลบั้ม แต่เมื่อเริ่มทำ Complete เป็นต้นมาก็เริ่มมีเพลงที่มีองค์ประกอบที่วงอื่นๆ ไม่มีซึ่งคิดว่าจะทำให้รู้สึกน่าสนใจมากขึ้น จากนั้นมาก็ทำเพลงด้วยสีสันของ ONF อย่างเต็มรูปแบบ

-ในระหว่างฝึกซ้อม ONF ก็คงจะมี "เพลงที่อยากจะลองทำ" สงสัยว่าตรงกับเพลงของฮวังฮยอน   
ฮโยจิน :ตอนที่เป็นเด็กฝึกก็เตรียมการแสดงหลากหลายที่ต้องเต้นอย่างเฉียบคมเป็นจังหวะเดียวกัน คิดว่าเพลงของเราคล้ายๆ แบบนั้นก็คงจะดี แต่เพลงของฮวังฮยอนแตกต่างจากที่คิดเอาไว้ครับ แต่ถึงอย่างนั้นเพลงก็ดีมากๆ รู้สึกดีที่สามารถแสดงความสามารถทุกอย่างในเพลงเหล่านี้ได้ครับ
ไวแอตต์ : ชอบเพลงฮิปฮอปหนักๆ ครับ แต่เมื่อฟังเพลง ON/OFF ที่เป็นเพลงแนวสดใสและมีชีวิตชีวาแล้วก็รู้สึกว่าแตกต่างจากภาพลักษณ์ของผมแต่ก็รู้สึกพอใจกับเพลงนี้ครับ 



-ฟังเพลงของ ONF แล้วก็จะรู้สึกได้ว่าแร็ปของไวแอตต์เหมาะกับเพลงมากๆ มีทั้งการแร็ปแบบมีเมโลดี้ (Melodical rap) และการแร็ปที่ใช้เสียงบาริโทน 

ฮวังฮยอน : อาจจะมีหลายคนคิดว่าไวแอตต์เก่งแค่แร็ปในเพลงที่เป็นเพลงแร็ปอยู่แล้ว แต่ก็แร็ปแบบมีเมโลดี้และทำนองเพลงสดใสๆ เก่งเหมือนกัน ถ้าได้ฟังเพลง Timing ที่เป็นเพลงโปรเจ็กต์วินเทอร์แล้วก็จะต้องชมว่าทำได้ดีกับเพลงสดใสเหมือนกันครับ
 ไวแอตต์ : อยากจะแร็ปได้ดีมากๆ ครับ แร็ปเท่ๆ ก็ดีเหมือนกัน แต่เพลงสนุกๆ ที่ทุกคนได้สนุกไปด้วยกันก็ดีกว่าครับ เขียนท่อนแร็ปออกมาได้ง่ายๆ เหมือนกับเพลง All Day 

-เขียนท่อนแร็ปเองเกือบทั้งหมด เริ่มเขียนตั้งแต่เมื่อไหร่?

ไวแอตต์ : เขียนท่อนแร็ปตั้งแต่ ON/OFF เพลงเดบิวต์ของพวกเราและคงจะจำไปจนตายกับความรู้สึกกังวลใจที่ถาโถมเข้ามามาก และก็แก้ท่อนแร็ปไปส่วนหนึ่งหลังจากที่ได้ปรึกษากับพี่ฮยอนแล้ว
ฮวังฮยอน : แก้ท่อนแร็ปไป 10 ครั้ง แต่ไม่ดีก็คงไม่ขอให้เขียนท่อนแร็ปหรอกครับ เมื่อกลับมาพร้อมท่อนแร็ปที่ดีแล้วผมก็ตอบ "OK" สำหรับท่อนแร็ป New World ผมให้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรกเลยครับ คิดว่านักแต่งเพลงทั้งหมดก็คงเป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่เหตุผลที่ให้แก้ท่อนแร็ปหรืออัดเพลงนานๆ ก็เพราะพวกเขา "ทำได้ดีกว่านี้" พูดเสมอว่า ไม่ได้เป็นเพียงแค่เพลงของผม แต่เมื่อมันถูกปล่อยออกไปแล้วก็จะเป็นเพลงของ ONF ด้วย ถ้ามันไม่ดีก็อาจจะสร้างปัญหาให้เจ้าพวกนี้ จึงคิดว่าจะต้องทำชิ้นงานออกมาให้ดี 



-ONF ได้รับการชื่นชมว่ามีเพลงดีตั้งแต่เดบิวต์ แต่คงจะเสียดายที่ไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ

ฮโยจิน : ตอนที่ปล่อย We must Love หลายคนก็บอกว่าเพลงของเราดี คิดว่า "นี่คงจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่รอคอยมาถึงแล้ว" แต่น่าเศร้าที่ "ไม่สามารถขึ้นชาร์ตได้เลย" แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อมาร่วมรายการ Road To Kingdom หลายๆ คนก็รู้สึกอิจฉาที่พวกเรามีเพลงนี้ครับ รู้สึกขอบคุณจากใจที่ได้ร้องเพลงนี้ครับ ทุกสิ่งก็มีเวลาของมัน เฝ้ารอว่าคงมีสักวันที่จะมีใครหลายๆ คนชื่นชอบพวกเรา

-มีอิทธิพลต่อกันและกันผ่านงานดนตรี

ฮวังฮยอน : จากมุมมองของการแต่งเพลง ONF คือทีมที่ทำให้รู้สึกกระตือรือร้นที่จะเขียนเพลงให้ดีมากขึ้น การทำเพลงทุกครั้งจึงยากเพราะได้เพิ่มความท้าทายใหม่ๆ ลงไปด้วย เป็นกลุ่มที่เหมาะกับนักร้องในอุดมคติของผมครับ
ไวแอตต์ : พี่ฮยอนคือคนที่สร้างไวแอตต์แห่ง ONF ครับ เข้าใจในตัวผมอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นจึงทำเพลงที่เหมาะกับผมออกมาได้ครับ ดังนั้นจึงรู้สึกขอบคุณในส่วนนี้ครับ


ที่มา : News1
แปล : @ONF7TH


Comments